สาเหตุที่ทำให้ผิวเกิดอาการผิวติดสเตียรอยด์
สาเหตุหลักๆ ของอาการดังกล่าวาจากส่วนผสมของสเตียรอยด์ที่อยู่ในเครื่องสำอางไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ครีมรักษาสิว ครีมหน้าใส หรือครีมที่ช่วยให้หน้าขาวได้อย่างรวดเร็วหากเป็นครีมที่ไม่มีมาตรฐาน ราคาถูก มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด แน่นอนว่าจะพบสารสเตียรอยด์ในปริมาณสูงการใส่สารชนิดเข้าไปเป็นส่วนประกอบหลัก นั่นก็เป็นเพราะคุณสมบัติที่ช่วยบำบัดอาการให้สิวที่เกิดบนใบหน้าหายไปอย่างรวดเร็วจนเราคิดว่านั่นเป็นครีมที่ดี อัศจรรย์ จนซื้อใช้อย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากนั้นจะเกิดผลข้างเคียงกลายเป็นอาการผิวติดสเตียรอยด์ผิวหน้าจะมีความบาง แพ้ง่าย มีสิวผด ผื่นแดง สิวหนอง และสิวอักเสบเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากการใช้ยารักษาสิวไม่สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นเท่าใดนักอีกด้วยนั่นเป็นเพราะว่าสเตียรอยด์เข้าไปทำลายผิว ให้เกิดการทำงานที่ผิดแปลกไปจากเดิมนั่นเอง
ชนิดของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่พบสารสเตียรอยด์ได้บ่อยและในปริมาณสูง
ชนิดของผลิตภัณฑ์จากการสุ่มตรวจ ที่พบว่ามีสารสเตียรอยด์เจือปนอยู่ในปริมาณมาก ได้แก่
1.ยาฉีดสิว
– ยาฉีดสิวที่พบตามคลินิกเสริมความงามทั้งหลาย อาจจะดูเหมือนเป็นยาดีแต่ยาฉีดสิวก็คือสารสเตียรอยด์เน้นๆ เลยนั่นเอง การฉีดมีประโยชน์ตรงที่ช่วยให้สิวยุบตัวอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วันสิวอักเสบขนาดใหญ่ก็จะฝ่อตัวหายไป การฉีดสิวบ่อยๆ ติดต่อกันเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการผิวติดสเตียรอยด์ตามมาได้
2.ยารักษาสิวชนิดแต้ม
– การแต้มสิวจากภายนอก จริงๆ แล้วก็มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เป็นส่วนประกอบเช่นเดียวกันจะใช้กับคนที่มีปัญหาสิวมาก เมื่อใช้แล้วจะทำให้อาการค่อยๆ ดีขึ้นมา เป็นการใช้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้นแต่บางครั้งการรักษาที่ผิดวิธี คลินิกเสริมความงามจ่ายยารักษาสิวในปริมาณเข้มข้นเท่าเดิมติดต่อกันเป็นเวลานานก็จะทำให้ผิวเกิดการสะสมสเตียรอยด์ กลายเป็นผลกระทบต่อผิวตามมาในที่สุด
3.ยารักษาสิวชนิดอื่นๆ
– จะเป็นยารักษาสิวที่จะแบ่งเป็นชนิดทาเพื่อรักษาสิวอักเสบและพวกครีมรักษาสิว ครีมบำรุงผิวหน้าขาว หน้าเด้ง หรือครีมขาวชนิดเร่งด่วน ล้วนมีสเตียรอยด์ในปริมาณสูงมาก
จะรักษาอย่างไรเมื่อผิวติดสเตียรอยด์ ?
1.กรณีที่ผิวเกิดอาการเห่อของเม็ดผื่นขึ้นมาบนผิวหน้าในช่วงแรก การรักษาที่้เหมาะสมที่สุดคือการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เป็นสูตรอ่อนโยน และต้องเป็นชนิดที่อ่อนโยนมากที่สุดโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่าย ให้ใช้ล้างทำความสะอาดผิวหน้าตามปกติอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และล้างอย่างเบามือ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปกระตุ้นการเกิดสิวเพิ่มขึ้นมาอีก
2.งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเร่งช่วยให้ผิวหน้าขาวใส หรือลดริ้วรอยให้หันมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงให้ผิวแข็งแรง จะเป็นตัวช่วยเพิ่มภูมิต้านทานจะเป็นตัวช่วยลดอาการระคายเคือง ทำให้ผิวที่อ่อนแอค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาแข็งแรง และทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดีขึ้น
3.หลีกเลี่ยงการออกแดดหากไม่จำเป็น เพราะขณะที่ผิวยังอ่อนแออยู่ การถูกแสงแดดยิ่งไปกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันของผิวลดต่ำลงอย่างมาก ผิวที่โดนแสงแดด จะฟื้นตัวได้ช้าแต่หากจำเป็นต้องออกแดดจริงๆ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่ไม่มีส่วนผสมของครีมรองพื้น เพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
4.หากจำเป็นต้องแต่หน้า หรือในระหว่างวันมีการทาครีมกันแดดชนิดกันน้ำให้ใช้ Cleansing oil ช่วยล้างเครื่องสำอาง ซึ่งจะดีกว่าแบบ cleansing waterเป็นตัวช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการระคายผิวจากการใช้สำลีเช็ด
5.การล้างทำความสะอาดผิวหน้า ควรใช้น้ำอุณหภูมิปกติ ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำอุ่นแต่อย่างใด
นอกจากนี้สาวๆ จะต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหาผิวติดสเตียรอยด์กันในระยะยาวด้วยความอดทนและที่สำคัญในระหว่างการดูแลผิวภายนอก ก็จะต้องทำการดูแลผิวภายในไปพร้อมๆ กันด้วยนั่นคือสุขภาพร่างกายของเราเอง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้นรักษาความสะอาดของเสื้อผ้าและเครื่องนอน หลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่นล้างหน้าล้างหน้าไม่เกิน 2 ครั้งต่อวัน หมั่นออกกำลังกาย และเลือกกินผักและผลไม้ที่จะมีสารอาหารเข้าไปช่วยซ่อมแซมผิวที่เสียหายอีกขั้นหนึ่งด้วย
ที่มา : https://mahosot.com